เมนู

อุปาลิวรรคที่ 5


41. อรรถกถาอุปลาเถราปทาน

1

อปทานของท่านพระอุบาลีเถระ มีคำเริ่มต้นว่า ขีณาสวสหสฺเสหิ
ดังนี้.
ก็พระเถระนี้ ได้บำเพ็ญบุญญาธิการไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ
สั่งสมบุญทั่งหลายในภพนั้น ๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า
ปทุมุตตระ บังเกิดในตระกูลหนึ่ง เจริญวัยแล้ว เห็นโทษในการอยู่ครอง
เรือน จึงละเรือนออกบวชเป็นฤๅษี ได้อภิญญา 5 และสมาบัติ 8
สำเร็จการอยู่ ณ หิมวันตประเทศ. สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนาม
ว่า ปทุมุตตระ. ทรงประสงค์วิเวก จึงเข้าไปสู่หิมวันตประเทศ. ดาบส
เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้รุ่งโรจน์เหมือนพระจันทร์เพ็ญแต่ไกลเที่ยว มี
ใจเลื่อมใส กระทำหนังเฉวียงบ่า ประคองอัญชลี ถวายบังคมแล้วยืนอยู่
นั่นแล ประนมมือไว้เหนือเศียร ชมเชยพระผู่มีพระภาคเจ้าด้วยอุปมา
มากหลาย ด้วยสดุดีเป็นอเนก. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสดับดังนั้นแล้ว
ทรงประทานพยากรณ์ว่า ในอนาคต ดาบสนี้ จักบวชในพระศาสนาของ
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าโคตมะ จักได้เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุผู้มีปัญญา
เฉียบแหลมในทางพระวินัย.
ท่านดำรงอยู่ตลอดอายุ มีฌานไม่เสื่อม บังเกิดในพรหมโลก.
ท่านจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว ท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
เสวยสมบัติ. ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดเป็นหลานของพระอุบาลีเถระใน
กรุงกบิลพัสดุ์. ท่านถึงความเจริญวัยโดยลำดับ บวชในสำนักของพระ-
อุบาลีเถระผู้เป็นลุง เรียนพระกรรมฐาน เจริญวิปัสสนา ไม่นานนักก็ได้
1. ม. ภาคิเนยฺยอุปาลิเถราปทาน

เป็นพระอรหันต์. ท่านเป็นผู้มีญาณเฉียบแหลม เพราะเหตุที่ตนอยู่ในที่
ใกล้อาจารย์. ลำดับนั้น พระศาสดาจึงทรงตั้งท่านไว้ในตำแหน่งอันเลิศ
ว่า ภิกษุทั้งหลาย บรรดาภิกษุทั้งหลายผู้สาวกของเราผู้มีปัญญาเฉียบแหลม
ในปัญหาพระวินัยนี้ ภาคิเนยยอุบาลีเป็นเลิศ.
ท่านได้รับตำแหน่งเอตทัคคะอย่างนี้แล้ว ระลึกถึงบุพกรรมของตน
เนื้อจะประกาศปุพพจริตาปทาน จงกล่าวคำมีอาทิว่า ขีณาสวสหสฺเสหิ
ดังนี้ ในบทเหล่านั้น ชื่อว่าอาสวะ เพราะแล่นไปคือเป็นไปโดยรอบจด
ภวัคคพรหม. ชื่อว่า ขีณาสวา เพราะอาสวะ 4 มีกามาสวะเป็นต้น
สิ้นไป เหือดแห้งไป ผากไปแล้ว อันเธอกำจัดแล้ว. ภิกษุผู้มีอาสวะสิ้น
แล้วเหล่านั้นนั่นแล มีประมาณ 1,000 คือมีพระขีณาสพ 1,000 รูป
เป็นประมาณ. ด้วยพระขีณาสพประมาณ 1,000 นั้น. เชื่อมความว่า
พระโลกนาถแวดล้อมไปด้วยภิกษุผู้ขีณาสพเหล่านั้น ผู้ยังโลกให้ถึงพระ-
นิพพาน ประกอบเนือง ๆ ซึ่งวิเวก ย่อมเสด็จไปเพื่อหลีกเร้น คือเพื่อ
ความเป็นผู้โดดเดี่ยว.
บทว่า อชิเนน นิวตฺโถหํ ความว่า เราอัน หนังมฤคปิดบังไว้
อธิบายว่า นุ่งหนังสัตว์. บทว่า ติฑณฺฑปริธารโก ความว่า ถือเอาท่อน
ไม้ 3 อัน เพื่อวางคนโทน้ำทรงไว้. เชื่อมความว่า เราได้เห็นพระองค์
ผู้นำโลกผู้แวดล้อมไปด้วยภิกษุสงฆ์. คำที่เหลือปรากฏชัดแล้วทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาอุปลิเถราปทาน

โสณโกฏิยเวสสเถราปทานที่ 2 (42)

2

ว่าด้วยผลแห่งการทำที่จงกรม


[44] เราได้ให้ทำที่จงกรม ซึ่งทำการฉาบทาด้วยปูนขาว ถวาย
แด่พระมุนีพระนามว่าอโนมทัสสี เชษฐบุรุษของโลก ผู้คงที่
เราได้เอาดอกไม้ต่าง ๆ สี ลาดบนที่จงกรม ทำเพดานบน
อากาศ แล้วทูลเชิญพระพุทธเจ้าผู้สูงสุดให้เสวย.

เวลานั้น เราประนมอัญชลี ถวายบังคมพระองค์ผู้มีวัตร
อันงาม แล้วมอบถวายศาลารีแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.

พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นศาสดายอดเยี่ยมในโลก มี
พระจักษุ ทรงรู้ความดำริของเรา จึงอนุเคราะห์รับไว้.

พระสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นทักขิไณยบุคคลในโลก พร้อมทั้ง
เทวโลก ครั้นทรงรับแล้ว ประทับนั่ง ณ ท่ามกลางภิกษุสงฆ์
แล้ว ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า

ผู้ใดมีจิตโสมนัส ได้ถวายศาลารีแก่เรา เราจักพยากรณ์
ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว

รถอันเทียมด้วยม้าพันหนึ่ง จักปรากฏแก่ผู้นี้ผู้พร่องเพรียง
ด้วยบุญกรรม ในเวลาใกล้ตาย

ผู้นี้จักไปสู่เทวโลกด้วยยานั้น เทวดาทั้งหลายจักพลอย
บันเทิง ในเมื่อผู้นี้ไปถึงภพอันดี วิมานอันควรค่ามาก เป็น
วิมานประเสริฐ ฉาบทาด้วยเครื่องทาอันสำเร็จด้วยรัตนะ
ประกอบด้วยเรือนยอดอันประเสริฐ จักครอบงำวิมานอื่น.

1. อรรถกถาว่า โสณโกฬิวิสเถราปทาน.